วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

ขั้นตอน 8 ขั้นสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจที่บ้าน

ต่อไปนี้ คือ ขั้นตอน 8 ขั้นที่ได้รับการพิสูจน์รับรองแล้วว่าจะเป็นประโยชน์มากสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจของคุณและดำเนินธุรกิจจนถึงบรรลุความสำเร็จ

ขั้นตอนที่ 1 ทำความรู้จักกับธุรกิจของคุณ ไม่ ว่าคุณจะเลือกทำธุรกิจประเภทใดก็ตาม คุณจะต้องทำความรู้จักกับธุรกิจของคุณให้มากกว่าที่คุณจะรู้จักผู้คนที่คุณ ให้บริการ ถ้าธุรกิจนั้นเป็นสิ่งใหม่สำหรับคุณ คุณจะต้องเรียนรู้กับมันให้มากที่สุด เช่น ถ้าเป็นธุรกิจขายรถ คุณต้องรู้เกี่ยวกับสีของรถ การขัดเงา การเคลือบสี และ อะไหล่ต่าง ๆ และ คุณจะต้องพัฒนาทักษะการขายรถให้มีประสิทธิภาพ คุณจะรู้จักธุรกิจของคุณได้อย่างไร คุณต้องลงมือทำและเรียนรู้จักคู่แข่ง เข้าไปใช้บริการของคู่แข่งและอ่านโฆษณา แล้ววิธีการทำงานของคู่แข่งมาปรับปรุง ค้นหาข้อมูลจากห้องสมุดเกี่ยวกับสมาพันธ์การค้าและจากนิตยสารต่าง ๆ อ่านและเรียนรู้จากมัน ยิ่งคุณรู้มากเท่าไหร่ บริษัทของคุณก็สามารถสร้างผลกำไรได้มากเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 2 ทำความรู้จักกับลูกค้าของคุณ ธุรกิจ จะประสบผลสำเร็จเมื่อคุณรู้ว่าความต้องการของลูกค้าคืออะไร และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ บางทีคุณอาจเป็นลูกค้าเสียเอง และสิ่งที่คุณคาดหวังคืออะไร ถ้าคุณไม่ใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ คุณพอจะทราบไหมว่ายังมีใครอื่นอีกที่ขายสินค้าหรือบริการ ลูกค้าคาดหวังอะไร จงค้นหาให้พบว่าใครคือลูกค้าของคุณ ทำไม อย่างไร เมื่อไร เท่าไร และ ข้อเท็จจริงอื่นๆ ยิ่งคุณมีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ามากเท่าไหร่คุณก็จะขายสินค้าได้มากเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 3 ทำความรู้จักกับกฎหมายธุรกิจ กฎหมาย ธุรกิจที่ส่งเสริมการค้าที่ยุติธรรม และ ส่งเสริมสุขภาพชุมชน ติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาลและศึกษาการทำธุรกิจของคุณต้องดำเนินการตามกฎหมาย ประเภทใด ในแต่ละประเทศจะมีกฎหมายบังคับใช้ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำธุรกิจแบบโฮมบิสิเนส ซึ่งลูกค้าจะต้องมาหาคุณที่บ้าน บางประเทศจะต้องให้ธุรกิจมีใบอนญาตประกอบการ เช่น ใบอนุญาตให้ประกอบการร้านขายอาหาร ซึ่งคุณจะต้องมีการเสียภาษีด้วย เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 4 ทำความรู้จักกับทรัพย์สิน คุณ อาจจะต้องมีหลักทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจซึ่งบางที่มากกว่าที่คุณคิด เอาไว้เสียอีก คือ นอกจากคุณจะต้องมีทักษะความรู้ความสามารถ สติปัญญา ประสบการณ์และเงินออมจำนวนหนึ่งแล้ว คุณจะต้องมีเวลาด้วย คุณจะต้องทำรายการทรัพย์สิน ตลอดจนถึงเวลาที่คุณใช้ในการทำงาน เมื่อตอนที่เราเริ่มต้นธุรกิจงานเขียนเมื่อหลายปีมาแล้ว ทุก ๆ เช้าเราจะต้องทำงานเขียนก่อนออกไปทำงานตามปกติ และเวลาว่างตอนพักเที่ยงเราก็มีเวลาเขียนเอกสารได้ด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 5 การเพิ่มมูลค่าที่แท้จริง เมื่อ คุณเลือกดำเนินธุรกิจประเภทใดแล้วก็ตาม คุณจะต้องเพิ่มมูลค่าที่แท้จริงให้กับงานบริการของคุณ เช่น งานเลขานุการ คุณอาจจะมีบริการรับส่งเอกสารฟรี หรือ การเป็นคนดูแลสัตว์เลี้ยง คุณอาจใช้เวลาทุกวัน ๆ ละ 1 ชั่วโมงสำหรับการฝึกสัตว์ให้เชื่อฟัง หรือคนทำบัญชีก็อาจจะต้องเตรียมแบบฟอร์มการเสียภาษีให้แก่ลูกค้าที่มีการ เซ็นต์สัญญาจ้างงานเป็นรายปี จงทำให้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง และ ทำให้ดีกว่าคู่แข่ง และ ธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 6 รักษาลูกค้าที่ดีไว้ เพราะ ว่าลูกค้าบางคนนั้นคุณจะรู้สึกว่าค้าขายได้ง่ายกว่าลูกค้าบางคน ลูกค้าบางคนเอาใจยาก บางคนก็ลืมจ่ายเงินแก่คุณ เมื่อคุณมองเห็นแล้วว่าลูกค้าแบบไหนน่าจะสร้างกำไรในธุรกิจของคุณได้มากคุณ ก็จะต้องเก็บรักษาที่ดีนั้นไว้ สร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า และคิดดูว่าคุณจะสามารถเสนอบิรการอะไรที่ดี ๆให้แก่ลูกค้าเหล่านั้น และดูว่ายังพอมีเพื่อน ๆ หรือ ญาติอีกบ้างไหมที่คุณจะเสนองขายงานบริการของคุณแก่พวกเขาได้ การรักษาลูกค้าที่ดี ๆ เอาไว้ก็ดีกว่าการเสียเวลากับลูกค้าที่ไม่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต
ขั้นตอนที่ 7 จัดการเงินอย่างชาญฉลาด เมื่อ คุณมีรายได้เข้าร้าน บางทีคุณอาจจะลืมไปว่านั่นไม่ใช่เงินของคุณทั้งหมด แต่คุณจะต้องมีการแบ่งเงินบางส่วนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายบางอย่างด้วย เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าวัสดุอุปกรณ์ และ ค่าภาษี สิ่งที่คุณสามารถเก็บเป็นของคุณได้คือ กำไรที่หักค่าใช้จ่ายแล้ว ยิ่งคุณสามารถจัดการด้านการเงินอย่างฉลาดคุณก็จะเหลือผลกำไรมาก เพราะว่าเงินโดยส่วนใหญ่มักจะหลุดมือไปจากคุณเพราะการถูกล่อลวงให้ต้องซื้อ โน่นซื้อนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟแวร์หรืออุปกรณ์พิเศษบางอย่าง เป็นไปได้ว่าคุณน่าจะได้จัดทำรายการสิ่งของที่จะต้องซื้อและลงวันที่ที่จะ ซื้อไว้ด้วย ควรจะจดบันทึกไว้ล่วงหน้าอย่างน้อยสัก 30 วันก่อนที่จะซื้อ ซึ่งจะทำให้คุณทราบว่าของที่คุณซื้อมานั้นใช้งานได้คุ้มค่าหรือไม่ ทำกำไรให้คุณได้มากน้อยเท่าไร
ขั้นตอนที่ 8 จงทำให้ดีกว่าเดิม การ ทำให้ดีนั้นเป็นสิ่งดี แต่ไม่ใช่ว่ามันจะคงอยู่ได้ตลอดเวลาน ดังนั้น คุณจะต้องทำให้ดีขึ้น ดีกว่าเดิม ดีกว่าคู่แข่งทางการค้าของคุณ ทำให้ดีกว่าเดือนที่แล้ว ปรับปรุงบริการของคุณ หาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ ลูกค้า และ กฎหมาย อาจจะด้วยการลงทุนในทรัพย์สินมากขึ้น เพิ่มคุณค่างานบริการให้สูงขึ้น และ เก็บรักษาลูกค้าที่ดีๆ ไว้ และจะต้องจัดการด้านการเงินอย่างชาญฉลาดทุก ๆวัน
คำแนะนำ : ต้องยอบรับว่า ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณเป็นหลัก เรามีหน้าที่ในการนำเสนอข้อมูลเท่านั้น การตัดสินใจได้เร็วและถูกต้องของคุณ จะทำให้คุณสามารถเริ่มต้นได้ก่อนใครและจะสามารถประสบความสำเร็จก่อนใคร

บันทึกช่วยจำของ " เหลียงจี้จาง "

ลูกรัก..ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ

1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่า
บางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า
2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก
3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา
 มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีก
ในชีวิตของลูก ขอให้จำสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้ให้ดี
1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา
ยกเว้นพ่อกับ แม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว
ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก
ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็ว
เกินไป (น่ากลัวไหม)
2.ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใด
คนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป
ลูกจะได้เข้าใจ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย
3. ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ไม่เกิน 100 ปีเอง) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า
พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะ หลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด
เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้
ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน
4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้
ย่อมเปลี่ยนไปตาม กาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอย
อย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆ
จางหายไป.. อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ
5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า
หากไม่ขยัน เรียน แล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้
หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้
6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูก
เช่นกัน เมื่อ ลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป
ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง
7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่น ก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย
นี่เป็นบท พิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้
ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้อง เสียตังค์ (No free lunch)
9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น จงหวงแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกัน
เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก
(หมายเหตุ ถึงพบกันก็จะไม่รู้จักกันเพราะจำอดีตชาติไม่ได้ )