1. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
2. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
3. อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
4. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ ซีเรียส กับคุณเท่าไหร่หรอก
5. อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะ
ทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
6. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
7. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ม ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็น
ต้องมีแล้ว
8. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของ
อีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
9. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น
10. ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
11.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
12. จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตร
ซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
13. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
14. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกเถียงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่าง
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความงาม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความงาม แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สูตรสุขภาพดี
1. ดื่มน้ำให้มาก
2. กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น,
ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยง
และตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)
3. กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
4. ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น
และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ
5. หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
6. เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย
7. อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
8. นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้
9. นอนวันละ 7 ชั่วโมง
10. เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะกวด, ไม่ต้องเครียดกับมัน,
วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
11. ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม
2. กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น,
ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยง
และตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)
3. กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
4. ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น
และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ
5. หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
6. เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย
7. อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
8. นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้
9. นอนวันละ 7 ชั่วโมง
10. เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะกวด, ไม่ต้องเครียดกับมัน,
วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
11. ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม
วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553
ว่านหางจรเข้ สรรพคุณดับพิษร้อน สมานแผล เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ตับอักเสบ ไข้หวัด หอบหืด ผมร่วงผมจะงอกขึ้นมาใหม่
วิธีใช้ก็คือ เลือกใบที่มีขนาดกว้างประมาณสองนิ้ว (ถ้าไม่มีขนาดที่ต้องการจริงๆ มีขนาดโตแค่ไหนก็ใช้ไปเถอะ) ปลอกเปลือกว่านหางจรเข้ออก แล้วล้างน้ำเอายางสีเหลืองๆ ออกให้หมด แล้วฝานเป็นแผ่นๆ นำไปวางบนบริเวณที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก ถ้าดับพิษร้อนได้ คนไข้จะรู้สึกเย็นจนไม่รู้สึกปวดแสบปวดร้อน หรือรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบ้างแต่น้อยมาก แล้วให้เปลี่ยนวุ้นว่านหางจรเข้เมื่อรู้สึกร้อน ถ้าจะให้ดับพิษร้อนได้ดีขึ้น ควรนำว่านหางจรเข้ที่ฝานเป็นแผ่นๆ ไปแช่ในตู้เย็น แล้วสับเปลี่ยนให้กับคนไข้บ่อยๆ ไปเรื่อยๆ จนคนไข้ไม่ปวดแสบปวดร้อนอีกต่อไป ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นวันๆ หรือหลายวันแล้วแต่ความรุนแรง แต่ก็คุ้มที่เนื้อหนังจะไม่ถูกทำลาย แม้ผิวหนังอาจมีรอยดำๆ ย่นๆ แต่ลอกออกมาในไม่ช้า ไม่เชื่อลองดู
สรรพคุณของจากว่านหางจรเข้ นอกจากจะดับพิษร้อนได้ชะงัดนักแล้ว ยังมีสรรพคุณในการรักษาแผลเรื้อรัง เพราะมีสรรพคุณในการเรียกเนื้อ ช่วยสมานแผล แต่ต้องเตรียมวุ้นว่านหางจรเข้ให้สะอาด โดยการล้างว่านหางจรเข้แล้วเช็ดเปลือกว่านหางจรเข้และมีดปลอกด้วยแอลกอฮอล์ใส่แผล ล้างยางสีเหลืองออกให้หมด จากนั้นขูดเอาวุ้นว่านหางจรเข้ ใส่ในแผลที่ล้างสะอาด แล้วจึงปิดแผลไว้ด้วยผ้าก๊อซ สารอัลอคติน(aloctin) จะช่วยให้แผลตื้นและหายเร็วขึ้น เพราะไปกระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อ
ในการรับประทานวุ้นจากว่านหางจรเข้ (ในที่นี้หมายถึง ส่วนที่เป็นวุ้นโดยปลอกเอาเปลือกและยางออกให้หมด) เป็นยาภายใน ท่านที่ปลูกว่านหางจรเข้ไว้มากๆ จะประหยัดเงินค่ายาได้ในหลายๆ โรคทีเดียวซึ่งมีวิธีใช้ในโรคต่างๆ ดังนี้ โรคเบาหวาน ให้รับประทานวุ้นจากใบสดยาวประมาณ สาม ถึงสี่เซนติเมตรทุกวัน จะสามารถลดการใช้ยาเบาหวานได้ โรคความดันโลหิตสูง ตับอักเสบ ไข้หวัด หอบหืด วุ้นจากว่านหางจรเข้ก็ช่วยได้ โดยมีวิธีใช้เช่นเดียวกับโรคเบาหวาน วุ้นจากว่านหางจรเข้ยังแก้เมารถเมาเรือ โดยให้กินวุ้นจากว่านหางจรเข้ ยาวประมาณสองถึงสามเซ็นติเมตร ก่อนออกเดินทาง ส่วนโรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ อาหารไม่ย่อย ให้รับประทานวุ้นจากใบสด วันละสี่เซ็นติเมตร แบ่งรับประทานเป็นสองครั้ง นอกจากที่กล่าวมา วุ้นจากว่านหางจรเข้ยังมีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่น มีภูมิต้านทานได้ดีเยี่ยม
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า จะรับประทานวุ้นสด หรือวุ้นที่ผ่านการปรุงแต่ง เช่น ว่านหางจรเข้กระป๋อง น้ำว่านหางจรเข้ดี แน่นอนว่าวุ้นว่านหางจรเข้สดต้องดีกว่า แต่ท่านที่ไม่สะดวกในการรับประทานสด ก็รับประทานวุ้นว่าหางจรเข้เหล่านั้นก็ได้ ตำราทำอาหารดั้งเดิมของไทย ก็มีที่ทำวุ้นว่านหางจรเข้เชื่อม หรือแม้แต่ในตำรับยาพื้นบ้านในหลายประเทศ ก็ต้มวุ้นว่านหางจรเข้รับประทาน หรือแม้แต่ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ การสะกัดด้วยน้ำร้อนของวุ้นว่านหางจรเข้ ก็มีฤทธิ์ทางเภสัชในห้องทดลอง เช่น ลดคอเลสเตอรอล เป็นต้น ดังนั้น การที่รับประทานวุ้นว่านหางจรเข้ ที่ผ่านต้มด้วยความร้อนนั้น ก็คงยังมีประโยชน์อยู่บางส่วน แต่สู้รับประทานวุ้นสดๆ ไม่ได้
ในด้านของการเป็นเครื่องสำอาง วุ้นจากว่านหางจรเข้มีสรรพคุณ ในการบำรุงผิว ป้องกันสิวฝ้า รักษาสิวจนเครื่องสำอางมากมายหลายยี่ห้อ จะใส่สารสะกัดจากว่านหางจรเข้ลงไป แต่การใช้วุ้นว่านหางจรเข้ในกับผิวหนังต้องระวังให้ดี ต้องล้างเอาส่วนที่เป็นยางสีเหลืองออกให้หมด หลังการปลอกเปลือกจริงๆ เราเพราะยางสีเหลือง มีฤทธิ์ระคายต่อเนื้อเยื่อ และบางคนอาจแพ้เป็นผื่นได้ วิธีใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้ในการบำรุงผิวหน้า รักษาสิว ป้องกันสิวฝ้า ถ้าเป็นวัยรุ่นหน้าค่อนข้างมันก็ใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้เป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าไปได้เลย แต่ถ้าสูงอายุขึ้นมาหน่อย ถ้าใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้อย่างเดียวหน้าจะตึงไปนิด ให้ผสมครีมทาหน้าสักเล็กน้อย
ว่านหางจรเข้ยังเป็นสมุนไพรที่ดีมากสำหรับเส้นผม สามารถใช้วุ้นว่านหางจรเข้ทาผม แทนเจลใส่ผมทั่วไปได้เลย เพื่อรักษาอาการผมเสีย ผมแตกปลาย ส่วนคนที่ผมเสียมากๆ ไม่มีน้ำหนักแห้งกรอบ ให้ใช้ ไข่แดง น้ำมันมะกอก วุ้นว่านหางจรเข้อย่างละหนึ่งส่วน ใส่น้ำเล็กน้อยปั่นให้เข้ากัน นำไปหมักผมที่เปียกชุ่มด้วยน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก สัปดาห์ละครั้ง สักสองครั้งก็เห็นผล วุ้นหางจรเข้ยังใช้ทาบริเวณที่ผมน้อย หรือผมร่วงผมจะงอกขึ้นมาใหม่
สรรพคุณของจากว่านหางจรเข้ นอกจากจะดับพิษร้อนได้ชะงัดนักแล้ว ยังมีสรรพคุณในการรักษาแผลเรื้อรัง เพราะมีสรรพคุณในการเรียกเนื้อ ช่วยสมานแผล แต่ต้องเตรียมวุ้นว่านหางจรเข้ให้สะอาด โดยการล้างว่านหางจรเข้แล้วเช็ดเปลือกว่านหางจรเข้และมีดปลอกด้วยแอลกอฮอล์ใส่แผล ล้างยางสีเหลืองออกให้หมด จากนั้นขูดเอาวุ้นว่านหางจรเข้ ใส่ในแผลที่ล้างสะอาด แล้วจึงปิดแผลไว้ด้วยผ้าก๊อซ สารอัลอคติน(aloctin) จะช่วยให้แผลตื้นและหายเร็วขึ้น เพราะไปกระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อ
ในการรับประทานวุ้นจากว่านหางจรเข้ (ในที่นี้หมายถึง ส่วนที่เป็นวุ้นโดยปลอกเอาเปลือกและยางออกให้หมด) เป็นยาภายใน ท่านที่ปลูกว่านหางจรเข้ไว้มากๆ จะประหยัดเงินค่ายาได้ในหลายๆ โรคทีเดียวซึ่งมีวิธีใช้ในโรคต่างๆ ดังนี้ โรคเบาหวาน ให้รับประทานวุ้นจากใบสดยาวประมาณ สาม ถึงสี่เซนติเมตรทุกวัน จะสามารถลดการใช้ยาเบาหวานได้ โรคความดันโลหิตสูง ตับอักเสบ ไข้หวัด หอบหืด วุ้นจากว่านหางจรเข้ก็ช่วยได้ โดยมีวิธีใช้เช่นเดียวกับโรคเบาหวาน วุ้นจากว่านหางจรเข้ยังแก้เมารถเมาเรือ โดยให้กินวุ้นจากว่านหางจรเข้ ยาวประมาณสองถึงสามเซ็นติเมตร ก่อนออกเดินทาง ส่วนโรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ อาหารไม่ย่อย ให้รับประทานวุ้นจากใบสด วันละสี่เซ็นติเมตร แบ่งรับประทานเป็นสองครั้ง นอกจากที่กล่าวมา วุ้นจากว่านหางจรเข้ยังมีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่น มีภูมิต้านทานได้ดีเยี่ยม
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า จะรับประทานวุ้นสด หรือวุ้นที่ผ่านการปรุงแต่ง เช่น ว่านหางจรเข้กระป๋อง น้ำว่านหางจรเข้ดี แน่นอนว่าวุ้นว่านหางจรเข้สดต้องดีกว่า แต่ท่านที่ไม่สะดวกในการรับประทานสด ก็รับประทานวุ้นว่าหางจรเข้เหล่านั้นก็ได้ ตำราทำอาหารดั้งเดิมของไทย ก็มีที่ทำวุ้นว่านหางจรเข้เชื่อม หรือแม้แต่ในตำรับยาพื้นบ้านในหลายประเทศ ก็ต้มวุ้นว่านหางจรเข้รับประทาน หรือแม้แต่ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ การสะกัดด้วยน้ำร้อนของวุ้นว่านหางจรเข้ ก็มีฤทธิ์ทางเภสัชในห้องทดลอง เช่น ลดคอเลสเตอรอล เป็นต้น ดังนั้น การที่รับประทานวุ้นว่านหางจรเข้ ที่ผ่านต้มด้วยความร้อนนั้น ก็คงยังมีประโยชน์อยู่บางส่วน แต่สู้รับประทานวุ้นสดๆ ไม่ได้
ในด้านของการเป็นเครื่องสำอาง วุ้นจากว่านหางจรเข้มีสรรพคุณ ในการบำรุงผิว ป้องกันสิวฝ้า รักษาสิวจนเครื่องสำอางมากมายหลายยี่ห้อ จะใส่สารสะกัดจากว่านหางจรเข้ลงไป แต่การใช้วุ้นว่านหางจรเข้ในกับผิวหนังต้องระวังให้ดี ต้องล้างเอาส่วนที่เป็นยางสีเหลืองออกให้หมด หลังการปลอกเปลือกจริงๆ เราเพราะยางสีเหลือง มีฤทธิ์ระคายต่อเนื้อเยื่อ และบางคนอาจแพ้เป็นผื่นได้ วิธีใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้ในการบำรุงผิวหน้า รักษาสิว ป้องกันสิวฝ้า ถ้าเป็นวัยรุ่นหน้าค่อนข้างมันก็ใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้เป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าไปได้เลย แต่ถ้าสูงอายุขึ้นมาหน่อย ถ้าใช้วุ้นจากว่านหางจรเข้อย่างเดียวหน้าจะตึงไปนิด ให้ผสมครีมทาหน้าสักเล็กน้อย
ว่านหางจรเข้ยังเป็นสมุนไพรที่ดีมากสำหรับเส้นผม สามารถใช้วุ้นว่านหางจรเข้ทาผม แทนเจลใส่ผมทั่วไปได้เลย เพื่อรักษาอาการผมเสีย ผมแตกปลาย ส่วนคนที่ผมเสียมากๆ ไม่มีน้ำหนักแห้งกรอบ ให้ใช้ ไข่แดง น้ำมันมะกอก วุ้นว่านหางจรเข้อย่างละหนึ่งส่วน ใส่น้ำเล็กน้อยปั่นให้เข้ากัน นำไปหมักผมที่เปียกชุ่มด้วยน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก สัปดาห์ละครั้ง สักสองครั้งก็เห็นผล วุ้นหางจรเข้ยังใช้ทาบริเวณที่ผมน้อย หรือผมร่วงผมจะงอกขึ้นมาใหม่
ประโยชน์ต่อสุขภาพ ของใบบัวบก
ใครที่ชอบทานใบบัวบกกันบ้าง รู้หรือไม่ว่า ใบบัวบกนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...
ใบบัวบกมีคุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตาและมีสารแคลเซี่ยมมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด เหมาะกับสุขภาพ
ใบบัวบกมีสรรพคุณทางยา ในการแก้ช้ำใน ทำให้หายฟกช้ำได้ดี แก้ร้อนในกระหายน้ำ ลดอาการปวดศรีษะข้างเดียว บำรุงสุขภาพสมอง แก้ความดันโลหิตสูง แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ และขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงสุขภาพได้ดี
นอกจากนี้ในการศึกษาทางเภสัชวิทยาเพื่อค้นหาสารสำคัญ หรือหาสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในใบบัวบก พบว่า ใบบัวบกจะให้สารไกลโคไซด์ (Glycosides) หลายชนิดที่ให้ผลต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Antioxidation) ซึ่งส่งผลให้การลดความเสื่อมของเซลล์ อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสารไกลโคไซด์ที่ได้จากใบบัวบกยังส่งผลในการช่วยดูแลสุขภาพ เร่งการสร้างสารคอลลาเจน (Collagen) ที่เป็นโครงสร้างของผิวจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการกระตุ้นให้แผลสมานตัวได้เร็ว
ผู้ที่ควรทานใบบัวบก ได้แก่
1. ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความจำเสื่อม อาทิ ผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง
2. ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่ต้องใช้สมองอย่างมาก และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความทรงจำ
3. ผู้ที่มีความเครียดสูงจากการทำงานหนัก
4. ผู้ที่มีความผิดปกติทางผิวหนัง และกล้ามเนื้อโดยมีอาการฟกช้ำ และผิวหนังอักเสบ
5. ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เพราะช่วยเร่งการสมานแผลให้เร็วยิ่งขึ้น
รู้ถึงประโยชน์ของใบบัวบกแล้ว ก็อย่าลืมหันมาหาทานกันได้ เพื่อสุขภาพที่ดี.
ใบบัวบกมีคุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตาและมีสารแคลเซี่ยมมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด เหมาะกับสุขภาพ
ใบบัวบกมีสรรพคุณทางยา ในการแก้ช้ำใน ทำให้หายฟกช้ำได้ดี แก้ร้อนในกระหายน้ำ ลดอาการปวดศรีษะข้างเดียว บำรุงสุขภาพสมอง แก้ความดันโลหิตสูง แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ และขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงสุขภาพได้ดี
นอกจากนี้ในการศึกษาทางเภสัชวิทยาเพื่อค้นหาสารสำคัญ หรือหาสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในใบบัวบก พบว่า ใบบัวบกจะให้สารไกลโคไซด์ (Glycosides) หลายชนิดที่ให้ผลต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Antioxidation) ซึ่งส่งผลให้การลดความเสื่อมของเซลล์ อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสารไกลโคไซด์ที่ได้จากใบบัวบกยังส่งผลในการช่วยดูแลสุขภาพ เร่งการสร้างสารคอลลาเจน (Collagen) ที่เป็นโครงสร้างของผิวจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการกระตุ้นให้แผลสมานตัวได้เร็ว
ผู้ที่ควรทานใบบัวบก ได้แก่
1. ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความจำเสื่อม อาทิ ผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง
2. ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่ต้องใช้สมองอย่างมาก และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความทรงจำ
3. ผู้ที่มีความเครียดสูงจากการทำงานหนัก
4. ผู้ที่มีความผิดปกติทางผิวหนัง และกล้ามเนื้อโดยมีอาการฟกช้ำ และผิวหนังอักเสบ
5. ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เพราะช่วยเร่งการสมานแผลให้เร็วยิ่งขึ้น
รู้ถึงประโยชน์ของใบบัวบกแล้ว ก็อย่าลืมหันมาหาทานกันได้ เพื่อสุขภาพที่ดี.
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
เคล็ดลับ เสริมดวง โต๊ะทำงานค่า
ฮวงจุ้ยที่ทำงาน ตามวันเกิด
ฮวงจุ้ยที่ทำงาน ที่ทำงานวุ่นวายมาก งานมีปัญหาบ่อย เจ้านายไม่ค่อยส่งเสริม เพื่อนร่วมงานขี้อิจฉา ให้แก้เคล็ดตามวันเกิดดังต่อไปนี้
คนเกิดวันอาทิตย์
มีปัญหากับเจ้านาย ควรจะเสริมดวงชะตาด้วยน้ำ 1 แก้วใหญ่หรือจะใส่ในแจกันแก้วใส วางไว้บนมุมขวามือ ของโต๊ะทำงาน ห้ามนำไปดื่ม และเทน้ำทิ้งทุกวัน น้ำจะเป็นตัวตกกระทบพลังด้านลบต่างๆ และจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ค่อยๆเย็นลงได้
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรจะแก้เคล็ดเสริมดวงด้วยการนำต้นไม้ต้นเล็กๆ มาวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะเป็นบอนไซ ตะโกดัด หรืออะไรก็ได้ และควรจะมีดินด้วย แต่อย่าใช้ดินวิทยาศาสตร์
ที่ทำงานวุ่นวายเมื่อมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียด ไม่สบายใจ ควรใช้หินโรสควอตซ์สีชมพูตกแต่งเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆนำมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ก็จะสามารถ แก้เคล็ดเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
คนเกิดวันจันทร์
มีปัญหากับเจ้านายควรนำสิ่งของเคริ่องใช้บางอย่างที่ทำด้วยมุก หรือเปลือกหอย ชิ้นขนาดเหมาะมือมาวางบนโต๊ะทำงาน จะเป็นที่ทับกระดาษหรือกล่องใส่นามบัตรก็ได้ จะช่วยขจัดปัญหายุ่งเหยิงออกไปได้
บ้างมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ให้ใช้หินอความารีนสักก้อนหนึ่งมาวางบนโต๊ะทำงาน หินจะช่วยส่งคลื่นพลังให้คนรอบข้างจิตใจเย็นลง และมองเราในแง่ดี ตัดความวุ่นวาย ยุ่งเหยิงในจิตใจของคุณที่ทำงานวุ่นวาย
หากที่ทำงานมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียดไม่สบายใจ ให้ใช้แจกันปากกว้างหรือถ้วยแก้วใสใส่น้ำและลอยดอกไม้ที่มีสีฟ้า น้ำเงิน หรือ ม่วง ใช้เป็นดอกไม้ผ้าหรือพลาสติกก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่างๆ ให้คนเกิดวันจันทร์สงบลงคลายความเคร่งเครียดวุ่นวายลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
คนเกิดวันอังคาร
มีปัญหากับเจ้านายควร ถือเคล็ดด้วยการสวมเสื้อผ้าโทนสีเขียวให้บ่อยครั้ง ให้กลัดเข็มกลัดรูปใบไม้ติดตัวทุกวัน โดยเฉพาะในยามที่ต้องเข้าพบเจ้านายจะช่วยลดการประทะเจ้านาย เชื่อมั่นชื่อถือในความคิดของคุณ
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ให้นำเทียนแท่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งเน้นให้มีสีเขียว มาวางบนโต๊ะทำงาน จะขจัดปัญหายุ่งเหยิงขัดแย้งได้มากที่ทำงานวุ่นวายควรใช้หินสีเขียวสดใส เช่น กรีนอเวนเจอรีน มาวางบนโต๊ะทำงาน จะใช้หินก้อนหรือเป็นแท่งๆ ก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่างๆ ที่วุ่นวายให้สงบลงได้
คนเกิดวันพุธ
มีปัญหากับเจ้านาย ควรถือเคล็ดด้วยการวางข้าวของเครื่องใช้ที่มีปลายแหลมและมีสีทองไว้บนโต๊ะทำงาน จะเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะหรือถ้วยรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ได้จะเสริมความเข้มแข็งมั่นคงให้กับสถานภาพการงานของคุณ
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรจะใช้ถ้วยแก้วปากกว้าง 1 ใบ ใส่หินอเมทิสต์เอาไว้อย่างน้อย 3-4 ก้อนหรือมากกว่า ช่วยขจัดปัญหาทั้งกับเพื่อนร่วมงานที่อิจฉาริษยา ขัดแย้ง กับคุณไปจนถึงการบำบัดสถานที่ จะช่วยให้ความระส่ำระสายยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน คลายความยุ่งยากลง ผู้คนที่อยุ่ร่วมกันก็มีจิตใจสงบดีขึ้น
คนเกิดวันพฤหัส
มีปัญหากับเจ้านาย ควรนำรูปปั้น เช่น รูปปั้นนางฟ้ามีปีก หรือเทวรูปบางอย่าง เช่น พระพิฆเนศ มาวางบนโต๊ะทำงาน จะช่วยเสริมดวงชะตาให้มั่นคง กล้าแข็ง เจ้านายเกรงอกเกรงใจ
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรใช้แจกันดอกไม้สีเหลืองหรือขวดแก้วทรงสูงปักดอกไม้สีเหลือง มาวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะช่วยขจัดปัญหาเรื่องอิจฉาริษยาขัดแย้งกับคุณได้
ที่ทำงานวุ่นวาย ถ้าต้องการการบำบัดสถานที่ทำงานให้คลายความยุ่งยากยุ่งเหยิง ควรจะติดภาพวิวทิวทัศน์ที่มีต้นไม้เขียวสด และมีถนนทอดยาวสุดสายตาเอาไว้เบื้องหลังที่นั่งของคุณ เพื่อเสริมดวงชะตาและแก้ปัญหาด้านนี้
คนเกิดวันศุกร์
มีปัญหากับเจ้านาย ควรพกหินลาพิสลาชูรีติดตัว หรือสวมใส่เป็นเครื่องประดับอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ให้บ่อยครั้งในช่วงนั้น จะเสริมอำนาจบารมี และความเมตตาจากเจ้านายได้
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรนำสิ่งของเครื่องใช้อะไรก็ได้ที่มีเสียงเพลงร่วมด้วย มาวางบนโต๊ะทำงาน เช่น วิทยุ กล่องดนตรี หรือการ์ดเสียงเพลง คลื่นพลังของเสียงจะช่วยขจัดความยุ่งเหยิงวุ่นวายต่างๆ รวมทั้งทำให้เราจิตใจเย็นลงอยู่ในความสงบ และมองโลกในแง่ดีขึ้นด้วย วิธีนี้ยังช่วยขจัดปัญหาและความวุ่นวายยุ่งเหยิง ด้านสถานที่ทำงานด้วย
คนเกิดวันเสาร์
มีปัญหากับเจ้านายควรเสริมดวงชะตาด้วยการวางโคมไฟ 1 ดวง ไว้บนโต๊ะทำงาน และเปิดให้มีแสงสว่างอยุ่ตลอดเวลา จะแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาที่มีปัญหากับผู้ที่เหนือกว่าได้
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานหากเพื่อนร่วมงานอิจฉาริษายาหรือไม่ลงรอยกันบ่อยครั้ง ควรวางหินคริสตัลควอตซ์ที่เป็นแท่งๆไว้บนโต๊ะทำงานจะเสริมให้จิตใจและอารมณ์เย็นลง เพื่อนร่วมงานเชื่อมั่น เชื่อถือ
ทำงานวุ่นวาย หากต้องการขจัดปัญหายุ่งยากยุ่งเหยิงในที่ทำงานก็ควรใช้น้ำรินน้ำไหล หรือน้ำผุด ขนาดพอดีๆมาวางเสริมในห้องทำงานหรือข้างโต๊ะทำงานของคุณ จะช่วยให้ภายในสถานที่ทำงานเกิดการถ่ายเท เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่วุ่นวายเคร่งเครียดอย่างที่เป็นอยู่
ฮวงจุ้ยที่ทำงาน ที่ทำงานวุ่นวายมาก งานมีปัญหาบ่อย เจ้านายไม่ค่อยส่งเสริม เพื่อนร่วมงานขี้อิจฉา ให้แก้เคล็ดตามวันเกิดดังต่อไปนี้
คนเกิดวันอาทิตย์
มีปัญหากับเจ้านาย ควรจะเสริมดวงชะตาด้วยน้ำ 1 แก้วใหญ่หรือจะใส่ในแจกันแก้วใส วางไว้บนมุมขวามือ ของโต๊ะทำงาน ห้ามนำไปดื่ม และเทน้ำทิ้งทุกวัน น้ำจะเป็นตัวตกกระทบพลังด้านลบต่างๆ และจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ค่อยๆเย็นลงได้
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรจะแก้เคล็ดเสริมดวงด้วยการนำต้นไม้ต้นเล็กๆ มาวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะเป็นบอนไซ ตะโกดัด หรืออะไรก็ได้ และควรจะมีดินด้วย แต่อย่าใช้ดินวิทยาศาสตร์
ที่ทำงานวุ่นวายเมื่อมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียด ไม่สบายใจ ควรใช้หินโรสควอตซ์สีชมพูตกแต่งเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆนำมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ก็จะสามารถ แก้เคล็ดเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
คนเกิดวันจันทร์
มีปัญหากับเจ้านายควรนำสิ่งของเคริ่องใช้บางอย่างที่ทำด้วยมุก หรือเปลือกหอย ชิ้นขนาดเหมาะมือมาวางบนโต๊ะทำงาน จะเป็นที่ทับกระดาษหรือกล่องใส่นามบัตรก็ได้ จะช่วยขจัดปัญหายุ่งเหยิงออกไปได้
บ้างมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ให้ใช้หินอความารีนสักก้อนหนึ่งมาวางบนโต๊ะทำงาน หินจะช่วยส่งคลื่นพลังให้คนรอบข้างจิตใจเย็นลง และมองเราในแง่ดี ตัดความวุ่นวาย ยุ่งเหยิงในจิตใจของคุณที่ทำงานวุ่นวาย
หากที่ทำงานมีแต่เรื่องที่ทำให้เครียดไม่สบายใจ ให้ใช้แจกันปากกว้างหรือถ้วยแก้วใสใส่น้ำและลอยดอกไม้ที่มีสีฟ้า น้ำเงิน หรือ ม่วง ใช้เป็นดอกไม้ผ้าหรือพลาสติกก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่างๆ ให้คนเกิดวันจันทร์สงบลงคลายความเคร่งเครียดวุ่นวายลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
คนเกิดวันอังคาร
มีปัญหากับเจ้านายควร ถือเคล็ดด้วยการสวมเสื้อผ้าโทนสีเขียวให้บ่อยครั้ง ให้กลัดเข็มกลัดรูปใบไม้ติดตัวทุกวัน โดยเฉพาะในยามที่ต้องเข้าพบเจ้านายจะช่วยลดการประทะเจ้านาย เชื่อมั่นชื่อถือในความคิดของคุณ
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ให้นำเทียนแท่งที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งเน้นให้มีสีเขียว มาวางบนโต๊ะทำงาน จะขจัดปัญหายุ่งเหยิงขัดแย้งได้มากที่ทำงานวุ่นวายควรใช้หินสีเขียวสดใส เช่น กรีนอเวนเจอรีน มาวางบนโต๊ะทำงาน จะใช้หินก้อนหรือเป็นแท่งๆ ก็ได้ จะช่วยบำบัดสถานที่ต่างๆ ที่วุ่นวายให้สงบลงได้
คนเกิดวันพุธ
มีปัญหากับเจ้านาย ควรถือเคล็ดด้วยการวางข้าวของเครื่องใช้ที่มีปลายแหลมและมีสีทองไว้บนโต๊ะทำงาน จะเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะหรือถ้วยรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ได้จะเสริมความเข้มแข็งมั่นคงให้กับสถานภาพการงานของคุณ
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรจะใช้ถ้วยแก้วปากกว้าง 1 ใบ ใส่หินอเมทิสต์เอาไว้อย่างน้อย 3-4 ก้อนหรือมากกว่า ช่วยขจัดปัญหาทั้งกับเพื่อนร่วมงานที่อิจฉาริษยา ขัดแย้ง กับคุณไปจนถึงการบำบัดสถานที่ จะช่วยให้ความระส่ำระสายยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน คลายความยุ่งยากลง ผู้คนที่อยุ่ร่วมกันก็มีจิตใจสงบดีขึ้น
คนเกิดวันพฤหัส
มีปัญหากับเจ้านาย ควรนำรูปปั้น เช่น รูปปั้นนางฟ้ามีปีก หรือเทวรูปบางอย่าง เช่น พระพิฆเนศ มาวางบนโต๊ะทำงาน จะช่วยเสริมดวงชะตาให้มั่นคง กล้าแข็ง เจ้านายเกรงอกเกรงใจ
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรใช้แจกันดอกไม้สีเหลืองหรือขวดแก้วทรงสูงปักดอกไม้สีเหลือง มาวางบนโต๊ะทำงานหรือชั้นวางของข้างหลังที่นั่ง จะช่วยขจัดปัญหาเรื่องอิจฉาริษยาขัดแย้งกับคุณได้
ที่ทำงานวุ่นวาย ถ้าต้องการการบำบัดสถานที่ทำงานให้คลายความยุ่งยากยุ่งเหยิง ควรจะติดภาพวิวทิวทัศน์ที่มีต้นไม้เขียวสด และมีถนนทอดยาวสุดสายตาเอาไว้เบื้องหลังที่นั่งของคุณ เพื่อเสริมดวงชะตาและแก้ปัญหาด้านนี้
คนเกิดวันศุกร์
มีปัญหากับเจ้านาย ควรพกหินลาพิสลาชูรีติดตัว หรือสวมใส่เป็นเครื่องประดับอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ให้บ่อยครั้งในช่วงนั้น จะเสริมอำนาจบารมี และความเมตตาจากเจ้านายได้
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ควรนำสิ่งของเครื่องใช้อะไรก็ได้ที่มีเสียงเพลงร่วมด้วย มาวางบนโต๊ะทำงาน เช่น วิทยุ กล่องดนตรี หรือการ์ดเสียงเพลง คลื่นพลังของเสียงจะช่วยขจัดความยุ่งเหยิงวุ่นวายต่างๆ รวมทั้งทำให้เราจิตใจเย็นลงอยู่ในความสงบ และมองโลกในแง่ดีขึ้นด้วย วิธีนี้ยังช่วยขจัดปัญหาและความวุ่นวายยุ่งเหยิง ด้านสถานที่ทำงานด้วย
คนเกิดวันเสาร์
มีปัญหากับเจ้านายควรเสริมดวงชะตาด้วยการวางโคมไฟ 1 ดวง ไว้บนโต๊ะทำงาน และเปิดให้มีแสงสว่างอยุ่ตลอดเวลา จะแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาที่มีปัญหากับผู้ที่เหนือกว่าได้
มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานหากเพื่อนร่วมงานอิจฉาริษายาหรือไม่ลงรอยกันบ่อยครั้ง ควรวางหินคริสตัลควอตซ์ที่เป็นแท่งๆไว้บนโต๊ะทำงานจะเสริมให้จิตใจและอารมณ์เย็นลง เพื่อนร่วมงานเชื่อมั่น เชื่อถือ
ทำงานวุ่นวาย หากต้องการขจัดปัญหายุ่งยากยุ่งเหยิงในที่ทำงานก็ควรใช้น้ำรินน้ำไหล หรือน้ำผุด ขนาดพอดีๆมาวางเสริมในห้องทำงานหรือข้างโต๊ะทำงานของคุณ จะช่วยให้ภายในสถานที่ทำงานเกิดการถ่ายเท เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่วุ่นวายเคร่งเครียดอย่างที่เป็นอยู่
วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552
4 ขั้นตอนเพื่อผิวสวย
ขั้นตอนที่ 1 เลิกสูบบุหรี่
คุณต้องเลือกระหว่างบุหรี่กับผิวสวย การสูบบุหรี่จะไปเร่งให้ผิวเหี่ยวเร็วขึ้น ซีดเซียว มีริ้วรอยรอบปากและดวงตา บุหรี่จะลดปริมาณออกซิเจนและสารอาหารของผิวและทำให้ร่างกายกำจัดของเสียออกไปได้ช้า และไปเพิ่มปริมาณอนุมูลอิสระที่เป็นตัวทำลายผิว เมื่อคุณอายุมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างผิวของคนสูบบุหรี่กับคนไม่ได้สูบยิ่งเห็นชัด คราวหน้าที่คุณจะจุดบุหรี่สูบ ให้นึกถึงหน้าคนเหี่ยวๆเสียก่อนละกัน
ขั้นตอนที่ 2 ปกป้องผิวจากแสงแดด
คุณไม่สามารถหลบแดดได้ตลอดเวลา แต่ควรจะห่างๆเอาไว้บ้าง ถ้าคุณรู้จักปกป้องผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ผิวคุณจะคงความชุ่มชื่นไปจนคุณอายุ 70-80 ปีเชียวนะคะ เอาอย่างดาราดัง พวกเธอไม่มีทางอาบแดดโดยไม่มีครีมป้องกัน ในวันหยุดให้คุณใส่หมวกและแว่นกันแดด และทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อป้องกันริ้วรอย รังสียูวีเอจะทำลายไฟเบอร์และเนื้อเยื่อที่มีความยืดหยุ่นในผิวหนัง ซึ่งทำให้หลอดเลือดเปราะบาง ส่งผลให้ผิวหย่อยยานและเกิดริ้วรอย
ขั้นตอนที่ 3 รู้จักผิวของตัวเอง
สังเกตว่าผิวของคุณเป็นเช่นไร เช่น เมื่อไรที่จะมีผิวแห้ง ผิวจะมันบริเวณไหน และจะเป็นสิวเมื่อไร ลองดูว่าผิวมีลักษณะเด่นอะไรบ้าง คนผิวแห้งมักจะมีรูขุมขนเล็กกว่า เป็นไปได้ว่าผิวหนังลอกเป็นหย่อมๆและสีผิวจะเป็นโทนเดียวกันหมด ส่วนคนผิวมันอาจมีผิวซีด และเป็นสิวบ่อยๆ รูขุมขนอาจใหญ่กว่า ขยายกว้างและอุดตันได้ และใบหน้าดูเป็นประกาย ส่วนคนผิวผสม หน้าผาก จมูก และคางจะมัน ส่วนแก้มอาจจะแห้งหรือมีสภาพปกติ ส่วนคนผิวปกติจะมีสภาพสีผิวที่ดูมีสุขภาพดีและสมดุล รูขุมขนเล็ก
ขั้นตอนที่ 4 "ทำดี" กับผิว
ดื่มน้ำวันละหนึ่งขวดใหญ่ ออกกำลังแบบไหนก็ได้ที่ทำให้คุณเหงื่อออกซึ่งจะช่วยขับสารพิษและทำให้คุณมีผิวเปล่งปลั่งขึ้น นอนพักมากๆ ปกป้องใบหน้าจากแสงแดด นวดหน้าด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าเลิกสูบบุหรี่ เท่านี้ผิวของคุณก็สวยขึ้นได้ นี่ยังไม่นับว่าหัวใจและปอดก็แข็งแรงขึ้นด้วย เท่ากับคุณได้กำไร ทีนี้ก็ใช้เงินที่ประหยัดได้จากการรักษาผิวหน้ามาซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะดีกว่าค่ะ
ผิวมีปัญหา..จะแก้อย่างไร>> http://www.pooyingnaka.com/story/story.php?Category=beauty&No=569
คุณต้องเลือกระหว่างบุหรี่กับผิวสวย การสูบบุหรี่จะไปเร่งให้ผิวเหี่ยวเร็วขึ้น ซีดเซียว มีริ้วรอยรอบปากและดวงตา บุหรี่จะลดปริมาณออกซิเจนและสารอาหารของผิวและทำให้ร่างกายกำจัดของเสียออกไปได้ช้า และไปเพิ่มปริมาณอนุมูลอิสระที่เป็นตัวทำลายผิว เมื่อคุณอายุมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างผิวของคนสูบบุหรี่กับคนไม่ได้สูบยิ่งเห็นชัด คราวหน้าที่คุณจะจุดบุหรี่สูบ ให้นึกถึงหน้าคนเหี่ยวๆเสียก่อนละกัน
ขั้นตอนที่ 2 ปกป้องผิวจากแสงแดด
คุณไม่สามารถหลบแดดได้ตลอดเวลา แต่ควรจะห่างๆเอาไว้บ้าง ถ้าคุณรู้จักปกป้องผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ผิวคุณจะคงความชุ่มชื่นไปจนคุณอายุ 70-80 ปีเชียวนะคะ เอาอย่างดาราดัง พวกเธอไม่มีทางอาบแดดโดยไม่มีครีมป้องกัน ในวันหยุดให้คุณใส่หมวกและแว่นกันแดด และทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อป้องกันริ้วรอย รังสียูวีเอจะทำลายไฟเบอร์และเนื้อเยื่อที่มีความยืดหยุ่นในผิวหนัง ซึ่งทำให้หลอดเลือดเปราะบาง ส่งผลให้ผิวหย่อยยานและเกิดริ้วรอย
ขั้นตอนที่ 3 รู้จักผิวของตัวเอง
สังเกตว่าผิวของคุณเป็นเช่นไร เช่น เมื่อไรที่จะมีผิวแห้ง ผิวจะมันบริเวณไหน และจะเป็นสิวเมื่อไร ลองดูว่าผิวมีลักษณะเด่นอะไรบ้าง คนผิวแห้งมักจะมีรูขุมขนเล็กกว่า เป็นไปได้ว่าผิวหนังลอกเป็นหย่อมๆและสีผิวจะเป็นโทนเดียวกันหมด ส่วนคนผิวมันอาจมีผิวซีด และเป็นสิวบ่อยๆ รูขุมขนอาจใหญ่กว่า ขยายกว้างและอุดตันได้ และใบหน้าดูเป็นประกาย ส่วนคนผิวผสม หน้าผาก จมูก และคางจะมัน ส่วนแก้มอาจจะแห้งหรือมีสภาพปกติ ส่วนคนผิวปกติจะมีสภาพสีผิวที่ดูมีสุขภาพดีและสมดุล รูขุมขนเล็ก
ขั้นตอนที่ 4 "ทำดี" กับผิว
ดื่มน้ำวันละหนึ่งขวดใหญ่ ออกกำลังแบบไหนก็ได้ที่ทำให้คุณเหงื่อออกซึ่งจะช่วยขับสารพิษและทำให้คุณมีผิวเปล่งปลั่งขึ้น นอนพักมากๆ ปกป้องใบหน้าจากแสงแดด นวดหน้าด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าเลิกสูบบุหรี่ เท่านี้ผิวของคุณก็สวยขึ้นได้ นี่ยังไม่นับว่าหัวใจและปอดก็แข็งแรงขึ้นด้วย เท่ากับคุณได้กำไร ทีนี้ก็ใช้เงินที่ประหยัดได้จากการรักษาผิวหน้ามาซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะดีกว่าค่ะ
ผิวมีปัญหา..จะแก้อย่างไร>> http://www.pooyingnaka.com/story/story.php?Category=beauty&No=569
วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สารเคมี...วายร้ายในที่ทำงาน
สารเคมี...วายร้ายในที่ทำงาน (Health&Cuisine)
ห้องทำงาน ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผู้คนในสังคมยุคนี้ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจมองข้ามไปได้ ก็คือสารเคมีในที่ทำงาน ที่มาจากสภาพแวดล้อมภายในห้องทำงาน
เครื่องถ่ายเอกสาร
ก๊าซโอโซนที่เกิดขึ้นจากการอัดและปล่อยประจุไฟฟ้าที่ลูกกลิ้งกระดาษ และบางส่วนเกิดจากการปล่อยแสงเหนือม่วง ที่มาจากหลอดไฟพลังงานสูงของเครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งแสงเหนือม่วงจะทำให้ก๊าซออกซิเจนรวมกันเป็นโอโซนได้ง่ายขึ้น แต่ในสภาพปกติหรือในสำนักงานทั่วไป โอโซนจะสลายตัวเป็นออกซิเจนภายใน 2-3 นาที ซึ่งอัตราการสลายตัวจะขึ้นอยู่กับระยะเวลา อุณหภูมิ (อุณหภูมิสูงสลายตัวได้เร็วขึ้น) และการระบายอากาศในห้องนั้น
ผงหมึกที่ใช้ในเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งเป็นระบบแห้ง เป็นหมึกประเภทผงคาร์บอนดำ 10% ผสมกับพลาสติกเรซิน ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากนั้น สิ่งที่อาจเป็นอันตรายของเครื่องถ่ายเอกสาร คือความร้อนจากการถ่ายเอกสารเป็นเวลานานในสถานที่ไม่มีการถ่ายเทอากาศ และเรื่องเสียงที่รบกวน เพราะเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่อาจดังถึง 80 เดซิเบล
อาการ
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆได้ มีอาการระคายคอ ไอ หายใจสั้น วิงเวียน และปวดศีรษะได้ เนื่องมาจากการสัมผัสก๊าซโอโซนนานๆ
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ มีการไอและจาม และเป็นสาเหตุของภูมิแพ้ รวมทั้งอาจก่อมะเร็ง จากการสูดดมฝุ่นผงหมึกเป็นระยะเวลานาน
แสงเหนือม่วงเป็นอันตรายต่อตา การสัมผัสแสงจ้าเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดตาและปวดศีรษะ
วิธีป้องกัน
ถ่ายเอกสารทุกครั้งควรปิดฝาครอบให้สนิท หากไม่สามารถปิดได้ควรหลีกเลี่ยงการมองที่กระจกต้นฉบับ
สวมถุงมือขณะเติมหรือเคลื่อนย้ายผงหมึก
ผงหมึกที่ใช้แล้วนำไปกำจัดลงในภาชนะปิดมิดชิด
มีการบำรุงรักษาและทำความสะอาดเครื่องถ่ายเอกสารเป็นประจำ
ไม่ควรตั้งเครื่องถ่ายเอกสารในห้องทำงาน ควรจัดแยกไว้ในที่เฉพาะ หรือไว้ที่มุมห้องไกลจากคนทำงาน และมีการระบายอากาศที่เหมาะสม อาจติดตั้งพัดลมดูดอากาศเฉพาะที่ในห้องถ่ายเอกสาร
สังเกตและเลือกใช้เครื่องถ่ายเอกสารที่มีแผ่นกรองประเภท Activated Carbon Filter เพื่อสลายโอโซนก่อนปล่อยออก จึงปลอดภัย
น้ำยาลบคำผิดและกาว
น้ำยาลบคำผิด และกาววิทยาศาสตร์ ถือเป็นสารระเหย เพราะมีทินเนอร์และสารประกอบอินทรีย์เคมีชนิดต่างๆ ประกอบอยู่ ได้แก่ สารโทลูอีน เบนซีน และสไตลีน ซึ่งมีกลิ่นพิเศษเฉพาะ และระเหยปะปนในอากาศ ได้ง่าย
อาการ
ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งเกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด มีผลกระทบต่อประสาทส่วนกลาง และเสียการทรงตัวได้ เมื่อสูดดมในระยะสั้น
ทำให้โครโมโซมในเม็ดเลือดผิดปกติจนถึงขั้นเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด หญิงมีครรภ์อาจแท้งหรือลูกออกมาพิการได้ หากสูดดมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
หากมีการกลืนสารเหล่านี้เข้าไป และมีการสำลักร่วมด้วย ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบได้
วิธีป้องกัน หลีกเลี่ยงการสูดดม และจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี
ห้องทำงาน ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผู้คนในสังคมยุคนี้ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจมองข้ามไปได้ ก็คือสารเคมีในที่ทำงาน ที่มาจากสภาพแวดล้อมภายในห้องทำงาน
เครื่องถ่ายเอกสาร
ก๊าซโอโซนที่เกิดขึ้นจากการอัดและปล่อยประจุไฟฟ้าที่ลูกกลิ้งกระดาษ และบางส่วนเกิดจากการปล่อยแสงเหนือม่วง ที่มาจากหลอดไฟพลังงานสูงของเครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งแสงเหนือม่วงจะทำให้ก๊าซออกซิเจนรวมกันเป็นโอโซนได้ง่ายขึ้น แต่ในสภาพปกติหรือในสำนักงานทั่วไป โอโซนจะสลายตัวเป็นออกซิเจนภายใน 2-3 นาที ซึ่งอัตราการสลายตัวจะขึ้นอยู่กับระยะเวลา อุณหภูมิ (อุณหภูมิสูงสลายตัวได้เร็วขึ้น) และการระบายอากาศในห้องนั้น
ผงหมึกที่ใช้ในเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งเป็นระบบแห้ง เป็นหมึกประเภทผงคาร์บอนดำ 10% ผสมกับพลาสติกเรซิน ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากนั้น สิ่งที่อาจเป็นอันตรายของเครื่องถ่ายเอกสาร คือความร้อนจากการถ่ายเอกสารเป็นเวลานานในสถานที่ไม่มีการถ่ายเทอากาศ และเรื่องเสียงที่รบกวน เพราะเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่อาจดังถึง 80 เดซิเบล
อาการ
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆได้ มีอาการระคายคอ ไอ หายใจสั้น วิงเวียน และปวดศีรษะได้ เนื่องมาจากการสัมผัสก๊าซโอโซนนานๆ
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ มีการไอและจาม และเป็นสาเหตุของภูมิแพ้ รวมทั้งอาจก่อมะเร็ง จากการสูดดมฝุ่นผงหมึกเป็นระยะเวลานาน
แสงเหนือม่วงเป็นอันตรายต่อตา การสัมผัสแสงจ้าเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดตาและปวดศีรษะ
วิธีป้องกัน
ถ่ายเอกสารทุกครั้งควรปิดฝาครอบให้สนิท หากไม่สามารถปิดได้ควรหลีกเลี่ยงการมองที่กระจกต้นฉบับ
สวมถุงมือขณะเติมหรือเคลื่อนย้ายผงหมึก
ผงหมึกที่ใช้แล้วนำไปกำจัดลงในภาชนะปิดมิดชิด
มีการบำรุงรักษาและทำความสะอาดเครื่องถ่ายเอกสารเป็นประจำ
ไม่ควรตั้งเครื่องถ่ายเอกสารในห้องทำงาน ควรจัดแยกไว้ในที่เฉพาะ หรือไว้ที่มุมห้องไกลจากคนทำงาน และมีการระบายอากาศที่เหมาะสม อาจติดตั้งพัดลมดูดอากาศเฉพาะที่ในห้องถ่ายเอกสาร
สังเกตและเลือกใช้เครื่องถ่ายเอกสารที่มีแผ่นกรองประเภท Activated Carbon Filter เพื่อสลายโอโซนก่อนปล่อยออก จึงปลอดภัย
น้ำยาลบคำผิดและกาว
น้ำยาลบคำผิด และกาววิทยาศาสตร์ ถือเป็นสารระเหย เพราะมีทินเนอร์และสารประกอบอินทรีย์เคมีชนิดต่างๆ ประกอบอยู่ ได้แก่ สารโทลูอีน เบนซีน และสไตลีน ซึ่งมีกลิ่นพิเศษเฉพาะ และระเหยปะปนในอากาศ ได้ง่าย
อาการ
ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งเกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด มีผลกระทบต่อประสาทส่วนกลาง และเสียการทรงตัวได้ เมื่อสูดดมในระยะสั้น
ทำให้โครโมโซมในเม็ดเลือดผิดปกติจนถึงขั้นเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด หญิงมีครรภ์อาจแท้งหรือลูกออกมาพิการได้ หากสูดดมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
หากมีการกลืนสารเหล่านี้เข้าไป และมีการสำลักร่วมด้วย ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบได้
วิธีป้องกัน หลีกเลี่ยงการสูดดม และจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)